VISIT IWATA VISIT IWATA

ไทย CLOSE

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ท่องเที่ยวลัดเลาะไปตามชายฝั่งเพื่อชมสถานที่สวยงามในหนึ่งวัน

รายละเอียดการเดินทาง

แนวชายฝั่งที่น่าตื่นตาซึ่งทอดยาวจากมิยาโกะถึงคุจิ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะเมื่อมาอิวาเตะ สำหรับที่นี่ เราขอเสนอแผนการท่องเที่ยวหนึ่งวันที่จะทำให้คุณได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ด้วยการล่องเรือลำเล็กๆ ไปดื่มด่ำกับความงามอันทรงพลังของก้อนหินสูงตระหง่านอายุกว่า 100 ล้านปี และสำรวจหน้าผาที่แสนลึกลับน่าค้นหา

อ่าวงามแสนสงบที่ดูราวกับสวนแบบญี่ปุ่น

ออกเดินทางโดยรถบัสใช้เวลา 20 นาที จากสถานีมิยาโกะของบริษัทรถไฟญี่ปุ่นตะวันออก (JR-East) ถึงโจโดกาฮามะซึ่งเป็นหาดทรายแสนงาม คำว่า “โจโด” ในชื่อมาจากแนวคิดเรื่อง “ดินแดนสุขาวดี” ในพุทธศาสนามหายาน สถานที่ที่ผู้คนได้รับการปลดปล่อยจากความทุกข์และกิเลสในทางโลก ว่ากันว่าเป็นชื่อที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เมื่อพระภิกษุรูปหนึ่งมาเห็นความงดงามของชายหาดแห่งนี้และอุทานขึ้นว่า “ช่างงามแท้ราวกับโจโด”

ลักษณะอีกอย่างของที่นี่คือหน้าผาสูงชันที่บนยอดหน้าผาถูกปกคลุมด้วยป่าทึบ จากจุดชมวิวจะเห็นทิวทัศน์ของหาดทรายขาว ทะเลสีคราม หินภูเขาไฟสีขาวที่ก่อตัวขึ้นเมื่อ 52 ล้านปีก่อน และป่าสนแแสนงาม เป็นภาพที่พาใจให้สดชื่นและสงบราวกับสวนแบบญี่ปุ่น

หากเลือกเดินทางโดยเรือ คุณจะได้เห็นถ้ำน้ำเงิน (Blue Cave) และน้ำสีมรกตที่เปลี่ยนเฉดสีไปตามฤดูกาล สภาพอากาศ และแสงสว่างที่แตกต่างกัน ความสุขแท้จริงในการเดินทางไปตามชายฝั่งซันริคุก็คือความยินดีที่ได้พบกับธรรมชาติที่ไม่คาดฝันซึ่งอาจได้เห็นเพียงครั้งหนึ่งในชีวิต

ผ่อนคลายไปกับการนั่งบนเก้าอี้เสื่อทาทามิในรถไฟที่วิ่งขึ้นเหนือไปตามชายฝั่ง

กลับมาที่สถานี JR มิยาโกะ ตอนนี้ถึงเวลาขึ้นเหนือแล้ว ตั้งแต่เปิดเส้นทางในปี 1981 รถไฟสายซันริคุก็กลายมาเป็นเส้นทางสายหลักของผู้คนในละแวกนี้ ไม่เพียงแต่นอกหน้าต่างจะมีทิวทิศน์ชายทะเลที่สวยงามเท่านั้น ในตัวรถไฟยังมีเก้าอี้เสื่อญี่ปุ่นทาทามิสำหรับฤดูหนาว ให้บรรยากาศการเดินทางที่ผ่อนคลายไร้กังวล และในฤดูร้อนก็ไม่ควรพลาดสินค้าพิเศษจำนวนจำกัดอย่าง “อูนิเบนโตะ” ข้าวกล่องหน้าไข่หอยเม่นอันเลื่องชื่อของสถานีด้วย

หินยักษ์สามสหายที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 100 ล้านปีที่แล้ว

เพียงราวๆ ยี่สิบนาที คุณจะมาถึงสถานีทาโร่ ลงจากรถไฟที่สถานีนี้และเดินต่อสัก 30 นาทีจะถึงหินยักษ์ซันโนะอิวะ หรือถ้าไม่อยากเดินก็สามารถนั่งแท็กซี่ไปได้ภายใน 5 นาทีเท่านั้น หินเหล่านี้อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติซันริคุฟุคโค ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากฝั่งออกไปเล็กน้อย

กลุ่มหินทั้งสามก้อนประกอบด้วย หินโอโตโกะอิวะ (หินชายหนุ่ม) สูง 50 เมตร ขนาบข้างด้วยหินอนนะอิวะ (หินหญิงสาว) และหินไทโกะอิวะ (หินกลอง) ลวดลายทางบนก้อนหินช่วยให้ประมาณอายุได้ว่า หินมีความเก่าแก่ราว 100 ล้านปีมาแล้ว อนุสาวรีย์ธรรมชาตินี้นับได้ว่าเป็นศิลปะที่ธรรมชาติรังสรรค์โดยแท้ เกิดจากการกัดเซาะของคลื่นและลมที่พัดผ่านทะเลมานานนับล้านปี ร่องที่หินโอโตโกะอิวะคือหลักฐานของการกัดกร่อนโดยคลื่นทะเล เชื่อกันว่าใครที่ลอดร่องหินนี้ในช่วงน้ำลงจะทำให้โชคดี

ในเหตุมหาภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทางภาคตะวันออกของญี่ปุ่น มิยาโกะถูกคลื่นสึนามิโจมตีมากกว่า 15 ลูก แต่ตอนนี้ชุมชนที่นี่กำลังฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิม และหินยักษ์ซันโนะอิวะซึ่งตั้งเด่นท้าทายทะเลคลั่ง ก็คือสัญลักษณ์แทนจิตวิญญาณอันไม่ย่อท้อของผู้คนบนพื้นที่แห่งนี้

ล่องทะเล แหงนมองหน้าผาสูง 200 เมตร

จากสถานีทาโร่ เรากลับมาอยู่บนเส้นทางรถไฟสายซันริคุอีกครั้ง โดยมีป้ายต่อไปคือสถานีทาโนะฮาตะ ซึ่งเป็นทางเข้าสู่หน้าผาคิตายามาซากิที่สูง 200 เมตรเหนือน้ำทะเลและได้รับการรังสรรค์จากยอดคลื่นอันทรงพลังของมหาสมุทรแปซิฟิก ลักษณะทางธรรมชาติอันตระการตายาวกว่า 8 กิโลเมตรแห่งนี้ ประกอบด้วยหินที่เรียงตัวกันอย่างน่ามหัศจรรย์ และถ้ำเร้นลับอีกมากมาย ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นชายฝั่งที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ถ้าคุณมาเยือนที่นี่ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมหรือเดือนมิถุนายน คุณอาจได้พบกับทิวทัศน์แปลกตาของหน้าผาในม่านหมอก ที่งดงามราวกับหลุดไปยังโลกแห่งจินตนาการเลยทีเดียว

สำหรับนักเดินทางที่ชอบผจญภัย เราขอแนะนำให้ลองปีนเขาสูง 736 ก้าวจากริมน้ำขึ้นสู่จุดชมวิว เพื่อสัมผัสความสูงน่าหวาดเสียวของหน้าผาแห่งนี้ เรือเล็กนำเที่ยวที่นำทางโดยชาวประมงในพื้นที่ยังจะพาคุณลัดเลาะแนวปะการังและลอดผ่านบรรดาถ้ำทะเลให้ได้ตื่นเต้นกันด้วย

จากสถานีทาโนะฮาตะ เดินเพียง 20 นาทีก็จะถึงท่าเรือท่องเที่ยว และหากนั่งแท็กซี่ประมาณ 20 นาทีก็จะถึงจุดชมวิวพอดี

พบการต้อนรับอันแสนอบอุ่น ณ เรียวกังที่สร้างโดยเหล่าช่างไม้ประจำวัด

ใกล้ๆ สถานีคุจิ สถานีปลายทางทางตอนเหนือของรถไฟสายซันริคุ เราจะพบธุรกิจให้บริการที่พักมากมายตั้งแต่โรงแรมไปจนถึงโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น (เรียวกัง) การต้อนรับแสนอบอุ่นรอนักเดินทางอยู่ที่เรียวกังแห่งหนึ่งซึ่งเดินจากสถานีไปเพียง 10 นาที เรียวกังนี้สร้างขึ้นในปี 1953 โดย มิยาไดคุ (ช่างไม้ประจำวัด) ทั้งสถานที่และการรับรองต่างก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณอันอบอุ่นของยุคสมัยที่ผันผ่าน

เมื่อผ่านทางเข้าเข้ามา ลูกค้าจะพบกับการตกแต่งภายในที่อบอุ่นอ่อนโยน ตั้งแต่ป้ายชื่อของเรียวกังซึ่งทำจากไม้ลงรักและเขียนด้วยมือโดย โอคามิ (ผู้จัดการหญิงของเรียวกัง) ไปจนถึงโคมไฟอำพันประดับโถงทางเดินและพื้นไม้ ห้องรับรองแขกตกแต่งแบบดั้งเดิม อวลด้วยกลิ่นของเสื่อทาทามิ ห้องนั่งเล่นรวมมีตู้เย็น ไมโครเวฟ และชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยการ์ตูนญี่ปุ่นไว้คอยให้บริการ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวใช้แลกเปลี่ยนเรื่องราวใหม่ๆ ที่ได้ค้นพบในอิวาเตะซึ่งกันและกัน

VENUES
MENTIONED
สถานที่ที่ได้รับการพูดถึง

NOT FOUND

No directories found.
Please change refinement element.

ABOUT THIS
REGION
เกี่ยวกับภูมิภาคนี้

ยืนยัน

เว็บไซต์อื่นจะเปิดขึ้น คุณเห็น "MY PLAN" หรือไม่?

ยืนยัน

เว็บไซต์อื่นจะเปิดขึ้น คุณเห็น "MY PLAN" หรือไม่?